พรีเมียร์ลีก

ย้อนรอยตำนาน 5 โมเมนต์สุดประทับใจใน พรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก ถือเป็นลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ด้วยความเร้าใจ ดราม่า และความพลิกผันที่ไม่มีใครคาดเดาได้ ตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีกมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับแฟนบอลทั่วโลก ผ่านแมตช์การแข่งขันอันน่าตื่นเต้น ดาวรุ่งที่แจ้งเกิด และตำนานบทใหม่ที่ถูกจารึก บทความนี้ขอพาทุกท่านย้อนรอย 5 ช่วงเวลาสุดประทับใจในพรีเมียร์ลีก ที่แฟนบอลทั่วโลกต่างจดจำ

พรีเมียร์ลีก

1. อาร์เซนอลคว้าแชมป์ไร้พ่าย (พรีเมียร์ลีก 2003/04)

วันที่ 15 พฤษภาคมปี ฤดูกาล 2003/04 ของพรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก ด้วยการเฉลิมฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ “ปืนใหญ่” ภายใต้การนำทัพของกุนซือชาวฝรั่งเศส อาร์แซน แวงแกร์ พวกเขาสร้างตำนานบทใหม่ ด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษแบบไร้พ่าย เป็นครั้งแรก และ ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

อาร์เซนอล เริ่มต้นฤดูกาลด้วยฟอร์มที่ร้อนแรง เก็บชัยชนะไปอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงพลังรุกที่เฉียบคมและเกมรับที่เหนียวแน่น ทีมชุดนี้เต็มไปด้วยดาวดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เธียร์รี อองรี กัปตันทีมผู้ทำประตูได้อย่างมหาศาล, เดนนิส เบิร์กแคมป์ เพลย์เมคเกอร์จอมเก๋า, โรเบิร์ต ปิแรส มิดฟิลด์ตัวรุกสุดคลาสสิก และ แอชลีย์ โคล แบ๊กซ้ายดาวรุ่งพุ่งแรง

สไตล์การเล่นของอาร์เซนอลในยุคนั้น เป็นระบบ 4-4-2 ของ แวงแกร์ เล่นได้อย่างสวยงามและมีประสิทธิภาพ เน้นการบุกแบบรวดเร็ว อาศัยความคล่องแคล่ว ว่องไว และทักษะการเลี้ยงบอลที่เหนือชั้น ประกอบกับความแม่นยำในการจบสกอร์ ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ยากจะหยุดยั้ง

ตลอดทั้งฤดูกาล อาร์เซนอล เก็บชัยชนะไปได้ถึง 26 นัด เสมอ 12 นัด โดยไม่แพ้ใครเลย ยิงประตูได้ถึง 95 ประตู เสียเพียง 26 ประตู เท่านั้น  สถิตินี้ถือเป็นสถิติที่น่าทึ่งและยากจะทำลาย

การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไร้พ่ายในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีสโมสรใดในพรีเมียร์ลีก ที่สามารถทำลายสถิตินี้ได้

พรีเมียร์ลีก

2. Leicester City คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก (พรีเมียร์ลีก 2015/16)

ย้อนกลับไปในพรีเมียร์ลีก 2014/15 เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมเล็กจากเมืองเลสเตอร์ เพิ่งรอดพ้นจากการตกชั้นอย่างหวุดหวิด ภายใต้การนำทัพของ เคลาดิโอ รานิเอรี ผู้จัดการทีมชาวอิตาลี ฤดูกาลต่อมา (2015/16) แทบไม่มีใครคาดการณ์ว่า “จิ้งจอกสยาม” จะทำผลงานได้เหนือความคาดหมาย 

กลายเป็นทีมม้ามืด อัตราต่อรองการคว้าแชมป์ของพวกเขาอยู่ที่ 5,000 ต่อ 1 ที่สร้างปรากฏการณ์สะท้านวงการฟุตบอลอังกฤษ ทีมที่เพิ่งรอดพ้นการตกชั้นในฤดูกาลก่อนหน้า สร้างปรากฏการณ์คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 132 ปี ของสโมจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในช่วงกลางฤดูกาล เมื่อ เจมี วาร์ดี้ กองหน้าของทีม ทำลายสถิติยิงประตูติดต่อกัน 11 นัดในพรีเมียร์ลีก สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก

เลสเตอร์ ซิตี้ รักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเจอกับแรงกดดันอย่างหนักจากทีมใหญ่ๆ แต่พวกเขาไม่ยอมแพ้ สุดท้ายในวันที่ 2 พฤษภาคม 2016 เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ หลังจาก ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ คู่แข่งสำคัญ แพ้ให้กับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

รานิเอรี นำแท็คติก 4-4-2 มาใช้กับเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมของเขาเล่นด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ  พวกเขามีเกมรับที่แน่นหนาและเกมรุกที่เฉียบคม รานิเอรี เน้นย้ำกับลูกทีมของเขาเสมอว่า “จงเชื่อในตัวเอง”

หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของฤดูกาล คือ การทำประตูอย่างต่อเนื่องของ เจมี วาร์ดี กองหน้าตัวเก่งของทีม วาร์ดี ยิงประตูให้กับเลสเตอร์ ซิตี้ ไปถึง 24 ประตูในฤดูกาลนั้น กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก และสร้างสถิติใหม่ๆ มากมาย

พรีเมียร์ลีก

3. เอริก คันโตน่า เตะแฟนบอลคริสตัล พาเลซ

25 มกราคม 1995 วันที่โลกฟุตบอลจดจำ เอริก คันโตน่า กองหน้าจอมเกเรของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างความตกตะลึงให้กับแฟนบอลทั่วโลกด้วยพฤติกรรมสุดฉุนเฉียว หลังจากจบเกมที่แมนยูแพ้คริสตัล พาเลซ 2-1 คันโตน่า เดินลงจากสนามและไปเตะแฟนบอลคริสตัล พาเลซ อย่างรุนแรง เหตุการณ์นี้กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ “กังฟูคิก” และส่งผลต่อวงการฟุตบอลอังกฤษไปอย่างมหาศาล

ในเกมนัดดังกล่าว คันโตน่า ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามหลังจากไปปะทะกับ เดวิด เรดดิ้ง กองหลังคริสตัล พาเลซ ขณะเดินออกจากสนาม คันโตน่า ต้องเผชิญกับการล้อเลียนและด่าทอจากแฟนบอลคริสตัล พาเลซ จนอารมณ์ของเขาควบคุมไม่อยู่ เขาเดินลงจากอัฒจันทร์และไปเตะ แมทธิว ซิมมอนส์ แฟนบอลคริสตัล พาเลซ อย่างเต็มแรง

คันโตน่า ถูกโทษแบนยาวถึง 8 เดือนจากพรีเมียร์ลีก และถูกปรับเงิน 20,000 ปอนด์ สปอนเซอร์บางรายถึงขั้นยกเลิกสัญญา เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสื่อมวลชนและแฟนบอล แต่ก็มีบางคนที่เห็นใจเขา โดยมองว่าเขาถูกยั่วยุจากแฟนบอลคริสตัล พาเลซ 

เหตุการณ์ “กังฟูคิก” ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก หลังจากเหตุการณ์นี้ ทางการได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในสนามแข่งขัน และลงโทษผู้กระทำความรุนแรงอย่างเด็ดขาด เหตุการณ์นี้ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของฟุตบอลอังกฤษ และทำให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหารุนแรงในสนามกีฬา

แม้จะสร้างเรื่องอื้อฉาวมากมายแต่ เอริก คันโตน่า ก็ยังคงเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ฝีเท้าการเล่นที่เฉียบคม วิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม และความเป็นผู้นำ ทำให้เขาเป็นที่รักของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และกลายเป็นตำนานของสโมสร 

แม้จะแขวนสตั๊ดไปนานแล้ว แต่ชื่อเสียงของเขายังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลทั่วโลก และเหตุการณ์ “กังฟูคิก” ก็ยังคงเป็นหนึ่งในโมเมนตัมที่ไม่มีวันลืมเลือนในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก

4. ไมเคิล โอเว่น ตำนานกองหน้าแมนยูฯ พลิกชนะเรือใบ 4-3

ไมเคิล โอเว่น อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษและสโมสรลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ถือเป็นหนึ่งในตำนานดาวยิงที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก เขาได้รับฉายาว่า “เบบี้โกล”  ด้วยฝีเท้าการจบสกอร์ที่เฉียบคม ความเร็วที่รวดเร็ว และความคล่องแคล่วว่องไว โอเว่น ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มากมายในอาชีพค้าแข้ง  โดยหนึ่งในโมเมนตัมที่น่าจดจำที่สุดคือการยิงประตูชัยในเกมดาร์บี้แมตช์ระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกับแมนเชสเตอร์ซิตี้

ในวันที่ 20 กันยายน 2009 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของแมนเชสเตอร์ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมือง เกมนี้เต็มไปด้วยความดุเดือดและความสนุกสนาน ทั้งสองทีมผลัดกันขึ้นนำและตามตีเสมอ จนกระทั่งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ไมเคิล โอเว่น ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ได้โอกาสยิงประตูชัยให้กับแมนยูไนเต็ด   ส่งผลให้ทัพ “ปีศาจแดง” เฉือนชนะคู่ปรับไปแบบสุดมันส์ 4-3

ประตูชัยของโอเว่นในเกมนัดนั้น เกิดขึ้นจากลูกครอสของ ไรอัน กิ๊กส์ โอเว่น วิ่งสอดเข้ามายิงด้วยขวาผ่านมือของ เชย์ กิฟเวน ผู้รักษาประตูเรือใบสีฟ้า ประตูนี้ถือเป็นประตูที่สำคัญมาก เพราะช่วยให้แมนยูไนเต็ดคว้าชัยชนะในเกมดาร์บี้แมตช์ และเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมสำหรับทีม

ไมเคิล โอเว่น ประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้ง คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เขายังคว้ารางวัลรองชนะเลิศรางวัลบัลลงดอร์ในปี 2001 โอเว่น ถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก และประตูชัยของเขาในเกมดาร์บี้แมตช์ระหว่างแมนยูไนเต็ดกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ จะยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลไปอีกนานแสนนาน

พรีเมียร์ลีก

5. เรือใบสีฟ้า พลิกแซงคว้าแชมป์ในนาทีสุดท้าย (พรีเมียร์ลีก 2011/12)

พรีเมียร์ลีก 2011/12 กลายเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่น่าจดจำที่สุด ด้วยการดวลแชมป์สุดดุเดือดระหว่าง แมนเชสเตอร์ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ การแข่งขันดำเนินไปอย่างสูสีตลอดทั้งฤดูกาล ผลัดกันนำเป็นอันดับ 1 จนกระทั่งถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล

แมนเชสเตอร์ซิตี้ ลงสนามพบกับ แอสตันวิลลา ขณะที่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ลงสนามพบกับ ซันเดอร์แลนด์ สถานการณ์ก่อนเริ่มการแข่งขัน แมนซิตี้ ตามหลัง แมนยู 1 คะแนน แต่มีประตูได้เสียที่ดีกว่าเล็กน้อย

แมนซิตี้ เริ่มต้นเกมได้ไม่ดี เสียประตูให้กับ แอสตันวิลลา ตั้งแต่ช่วงต้นเกม สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อ แอสตันวิลลา มาทำประตูเพิ่มเป็น 2-0 ในขณะที่ แมนยู กำลังนำ ซันเดอร์แลนด์ 1-0

แฟนบอลแมนซิตี้ เริ่มสิ้นหวัง โอกาสคว้าแชมป์ดูริบหรี่ลงทุกที แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ดราม่าสุดมันส์ก็เกิดขึ้น ซาเมียร์ นาสรี กองกลางของแมนซิตี้ ยิงประตูตีเสมอให้กับทีม ส่งผลให้แฟนบอลแมนซิตี้

กลับมามีความหวังอีกครั้ง ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา เซอร์คิโอ อเกวโร่ กองหน้าตัวเก่งของแมนซิตี้ ลุกขึ้นมาทำประตูชัยให้กับทีม ส่งผลให้แมนซิตี้ พลิกแซงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2011/12

การคว้าแชมป์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่แมนเชสเตอร์ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองของสโมสร ที่กวาดล้างถ้วยรางวัลมากมายในช่วงทศวรรษต่อมา

ติดตามข่าวสาร พรีเมียร์ลีก อัพเดทใหม่ ได้ที่นี่!

แฟนบอลพรีเมียร์ลีกทุกท่านคงทราบดีว่า ฤดูกาล 2024/25 กำลังใกล้เข้ามาแล้ว ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหว โปรแกรมการแข่งขัน ผลการแข่งขัน สถิติต่างๆ ได้ตามช่องทางต่อไปนี้

  1. เว็บไซต์ทางการ – https://www.premierleague.com/
  2. เว็บไซต์ข่าวกีฬาชั้นนำ เช่น ไทยรัฐสปอร์ต สยามสปอร์ต ข่าวสด มติชน เว็บไซต์เหล่านี้ นำเสนอข่าวสารในรูปแบบบทความ วิดีโอ และยังมีบทวิเคราะห์จากกูรูฟุตบอลชื่อดังอีกด้วย
  3. สื่อโซเชียลมีเดีย สโมสรฟุตบอลต่างๆ ในพรีเมียร์ลีก ล้วนมีช่องทางการติดตามข่าวสารผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter, Instagram, YouTube

นอกจากนี้เว็บไซต์เรายังรวบรวมทุกบทความ ข่าวสารอัพเดทใหม่ไว้ให้คุณที่เดียว คลิ๊กที่นี่

Scroll to Top