โอลิมปิก

5 เหตุการณ์ความประทับใจโอลิมปิก

โอลิมปิก ไม่ได้เป็นเพียงเวทีการแข่งขันกีฬาระดับโลก แต่ยังเป็นเวทีแห่งแรงบันดาลใจ การรวมพลัง และความประทับใจ ตลอดประวัติศาสตร์โอลิมปิก เต็มไปด้วยเรื่องราวสุดมหัศจรรย์ วีรกรรมนักกีฬา และเหตุการณ์ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลก บทความนี้ขอพาทุกท่านย้อนรอย 5 เหตุการณ์ความประทับใจโอลิมปิก ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คน

บทความนี้ขอพาทุกท่านย้อนรอย 5 เหตุการณ์ประทับใจในโอลิมปิก ที่ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังสลักความทรงจำอันล้ำค่าไว้บนหน้าประวัติศาสตร์การกีฬา ย้อนรอยประวัติศาสตร์ อ่านเพิ่มเติม

โอลิมปิก

1. มูฮัมหมัด อาลี ผู้จุดไฟคบเพลิงแห่งสันติภาพ

มูฮัมหมัด อาลี หรือชื่อที่รู้จักกันดีในอดีตคือ แคสซิอุส เคลย์ ไม่ได้เป็นเพียงตำนานนักมวยผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เขายังเป็นบุคคลผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลกด้วยบทบาทในสังคมและการต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมือง

มูฮัมหมัด อาลี เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1960 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ในวัยเพียง 18 ปี  เขาลงแข่งขันในประเภทมวยสากลสมัครเล่นรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท และสามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ เขาเลือกโยนเหรียญทองโอลิมปิกของเขาทิ้งลงแม่น้ำโอไฮโอ เพื่อประท้วงการเหยียดผิวในอเมริกา

ในปี 1996 มูฮัมหมัด อาลี ยอดนักมวยผู้ยิ่งใหญ่ ปรากฏตัวบนเวทีโอลิมปิก 1996 ที่เมืองแอตแลนต้า ในฐานะผู้จุดคบเพลิง ภาพของเขายืนตัวสั่นเครือด้วยโรคพาร์กินสัน แต่ยังคงจุดไฟแห่งโอลิมปิกได้สำเร็จ กลายเป็นหนึ่งในโมเมนต์สุดประทับใจและทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์โอลิมปิก สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและสู้ชีวิตของตำนานนักมวยผู้นี้

โอลิมปิก

2. เจสซี โอเวนส์ คว้า 4 เหรียญทองตบหน้าฮิตเลอร์

โอลิมปิกฤดูร้อน 1936 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ถูกจัดขึ้นภายใต้เงาของลัทธิฟาสซิสต์ โดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซี พยายามใช้มหกรรมกีฬาครั้งนี้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ แสดงพลังอำนาจ และความยิ่งใหญ่ของชนชาติอารยัน ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองและสังคม

เจสซี โอเวนส์ นักกรีฑาผิวดำจากสหรัฐอเมริกา กลายเป็นดาวเด่นที่ฉายแสงเจิดจรัส เขากวาด 4 เหรียญทองแดงประเภทวิ่ง 100 เมตร 200 เมตร กระโดดไกล และวิ่งผลัด 4 x 100 เมตร สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลก

ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของโอเวนส์ ไม่ได้เป็นเพียงการคว้าชัยชนะ แต่เป็นการท้าทายต่ออุดมการณ์เหยียดเชื้อชาติของฮิตเลอร์  วีรบุรุษผู้นี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเท่าเทียมและความมุ่งมั่น  เขาพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าสีผิวไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จ

โอลิมปิก

3. บาร์ชิม & ตัมเบรี พลังมิตรภาพเหนือการแข่งขัน

มูตาซ บาร์ชิม นักกีฬากระโดดสูงจากกาตาร์ และ จานมาร์โก ตัมเบรี่ จากอิตาลี กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากเหตุการณ์สุดประทับใจใน กีฬาโอลิมปิกโตเกียว 2020 ทั้งคู่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยผลงานไร้ที่ติ ต่างฝ่ายต่างพยายามอย่างเต็มที่เพื่อคว้าเหรียญทอง แต่สุดท้ายทั้งคู่ทำคะแนนได้เท่ากัน 2.37 เมตร

ตามกฎกติกากีฬาปกติแล้ว ผู้เล่นที่กระโดดข้ามความสูงเท่ากัน จะต้องมีการแข่งขันต่อเพื่อหาผู้ชนะเพียงคนเดียว แต่ในเหตุการณ์นี้ ทั้งบาร์ชิมและตัมเบรี่ ต่างเผชิญกับอาการบาดเจ็บจากการแข่งขัน

บาร์ชิม เคยได้รับบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายรุนแรงมาแล้ว และรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากระหว่างการแข่งขัน  ตัมเบรี่ เองก็มีอาการบาดเจ็บที่ไหล่เรื้อรัง แพทย์ประจำสนามกีฬาจึงเข้าปรึกษาหารือกับทั้งคู่ ทั้งคู่ตัดสินใจปรึกษากันและตกลงที่จะแบ่งเหรียญทองคนละเหรียญ แทนที่จะแข่งต่อ สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพและน้ำใจนักกีฬาที่แท้จริง เหนือกว่าการแข่งขันเพื่อคว้าชัยชนะเพียงฝ่ายเดียว

โอลิมปิก

4. ตำนาน นาเดีย โคมาเนชี่ ยิมนาสติกหญิงคนแรก ที่ได้เต็ม 10

ฟลอเรนซ์ กริฟฟิธ-จอยเนอร์ (Florence Griffith-Joyner) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ฟลอ-โจ” (Flo-Jo) คือตำนานนักวิ่งหญิงชาวอเมริกัน กรีฟฟิธส์-จอยเนอร์ เริ่มต้นอาชีพนักวิ่งตั้งแต่อายุ 7 ขวบ แต่เธอเคยพักการวิ่งชั่วคราวเพื่อทำงานหาเลี้ยงครอบครัว 

ก่อนกลับมาสู่เส้นทางนักกีฬาอีกครั้ง ผู้สร้างความประทับใจให้กับโลกด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง เธอโด่งดังจากผลงานในโอลิมปิกฤดูร้อน 1988 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ 

เธอสร้างสถิติโลกใหม่ 2 รายการ 

  • ระยะ 100 เมตร : ฟลอเรนซ์ ทำลายสถิติโลกเดิมที่ 10.49 วินาที กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่วิ่งระยะ 100 เมตรต่ำกว่า 10.5 วินาที
  • ระยะ 200 เมตร : ฟลอเรนซ์ ทำลายสถิติโลกเดิมที่ 21.34 วินาที สถิตินี้ยังคงเป็นสถิติโลกจนถึงปัจจุบัน

ฟลอเรนซ์ เสียชีวิตอย่างกะทันหันในปี 1998 ด้วยวัยเพียง 38 ปี แต่ผลงานอันยิ่งใหญ่ของเธอยังคงอยู่ สถิติโลก 2 รายการของเธอในระยะ 100 เมตรและ 200 เมตร ยังคงไม่มีใครสามารถทำลายได้ เธอยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาทั่วโลก และเป็นตำนานบทสำคัญในประวัติศาสตร์โอลิมปิก

โอลิมปิก

5. ตำนาน นาเดีย โคมาเนชี่ ยิมนาสติกหญิงคนแรก ที่ได้เต็ม 10

นาเดีย โคมาเนชี่ (Nadia Comaneci) ยิมนาสติกหญิงชาวโรมาเนีย “ราชินีผู้อยู่เหนือกาลเวลา” ผู้สร้างตำนานบทใหม่ให้กับกีฬายิมนาสติก ด้วยความสามารถอันน่าทึ่งและความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ เธอได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาทั่วโลก

นาเดีย โคมาเนชี่ เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ.1961 ในเมืองโอเนสตี้ ประเทศโรมาเนีย พรสวรรค์ด้านยิมนาสติกของเธอถูกค้นพบตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ ด้วยความมุ่งมั่นและการฝึกฝนอย่างหนัก เธอพัฒนาฝีมือจนก้าวขึ้นสู่ทีมชาติโรมาเนียในวัยเพียง 13 ปี

โอลิมปิกฤดูร้อน 1976 ที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา กลายเป็นเวทีที่จารึกชื่อของนาเดีย โคมาเนชี่ ไว้อย่างไม่มีวันลืมเลือน ในวัยเพียง 14 ปี เธอสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนักกีฬายิมนาสติกคนแรกที่ได้รับคะแนนเต็ม 10 คะแนน เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลก

นาเดีย โคมาเนชี่ คว้าเหรียญทองโอลิมปิก 3 เหรียญ เหรียญเงิน 1 เหรียญ และเหรียญทองแดง 1 เหรียญ ในโอลิมปิก 1976 และยังคว้าแชมป์โลกยิมนาสติกอีก 2 สมัย หลังจากยุติอาชีพนักกีฬา นาเดีย โคมาเนชี่ อพยพไปยังสหรัฐอเมริกา เธอก่อตั้งสถาบันโคมาเนชี่เพื่อสนับสนุนนักกีฬายิมนาสติกเยาวชน และยังคงทำงานเพื่อส่งเสริมกีฬายิมนาสติกให้เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมไปทั่วโลก

ติดตามความคืบหน้า ข่าวสารล่าสุด โอลิมปิกปารีส 2024 ได้ที่นี่

ติดตามความคืบหน้า และ ข่าวสารล่าสุด เกี่ยวกับโอลิมปิกปารีส 2024 ได้ที่นี่ :

ด้วยช่องทางการติดตามข่าวสารที่หลากหลาย แฟนกีฬาชาวไทยจะไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปารีส 2024 อย่างแน่นอน

เตรียมตัวให้พร้อม เชียร์นักกีฬาไทย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก!

ติดตามข่าวสารอัพเดทใหม่ได้ที่นี่!

Scroll to Top