ยูโร 2024 นอกจากจะเป็นทัวร์นาเม้นท์ที่แฟนบอลตั้งตาคอยแล้ว ยังมีนักเตะดาวดังมากความสามารถรวมตัวพร้อมประชันฝีเท้ากัน ที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยคือ กุนซือ หรือ โค้ชที่เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์และความเฉียบคม ทั้งด้านการวางแผน และการนำทีมเพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือชิงแชมป์และมีผลงานในศึกยูโร 2024
วันนี้เราได้รวบรวม 5 รายชื่อกุนซือที่อายุน้อยที่สุดใน ยูโร 2024 รุ่นใหม่ ไฟแรง ไปดูกันว่าพวกเขามีอะไรนอะไรน่าจับตามองบ้าง ? มาทำความรู้จักกับ 5 กุนซือหนุ่มไฟแรงที่อาจสร้างเซอร์ไพรส์ในศึกยูโรครั้งนี้กัน
5. วินเชนโซ่ มอนเตลลา 49 ปี (คุมทีมตุรกี)
วินเชนโซ่ มอนเตลลา หรือ Vincenzo Montella ฉายา : ลิตเติล แอร์เพลน (Little Airplane) อดีตนักเตะกองหน้า ดาวยิงผู้โด่งดัง กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้งในฐานะกุนซือทีมชาติตุรกี อายุ 49 ปี พร้อมพาทีมทะยานสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2024 แม้จะเพิ่งคุมทีมได้ไม่นาน แต่ด้วยฝีมือและวิสัยทัศน์อันเฉียบคม มอนเตลลา กลายเป็นกุนซือที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในศึกยูโรครั้งนี้
มอนเตลลา เกิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1974 เมือง โพมิเลียโน ดาร์โก อิตาลี มอนเตลลา เริ่มต้นอาชีพนักเตะกับสโมสรเอ็มโปลี บ้านเกิดของเขา ในปี 1990 เขาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในปี 1995 กับสโมสรเจนัว ด้วยท่าดีใจตีลังกาเหมือนเครื่องบิน ซึ่งกลายเป็นฉายา “ลิตเติล แอร์เพลน” ของเขา
มอนเตลลา มีชื่อเสียงโด่งดังมากช่วงอยู่กับสโมสรโรมา เขายิงประตูให้ทีมคว้าแชมป์เซเรียอา ปี 2001 และ Coppa Italia ปี 2002 และเขายังติดทีมชาติอิตาลี ไปลุยฟุตบอลโลก 1998 และยูโร 2000 อีกด้วย
ผลงานในฐานะกุนซือ
มอนเตลลา เริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมกับสโมสรโรมา ในปี 2013 เขาพาทีมจบอันดับสอง เซเรียอาได้ถึง 2 สมัย หลังจากนั้น เขาก็คุมสโมสรชั้นนำของอิตาลีอีกหลายทีม เช่น ฟิออเรนตินา เซบียา และเอซี มิลาน
มอนเตลลาพาฟิออเรนตินา คว้าอันดับ 4 ในเซเรียอา 2 ฤดูกาลติดต่อกัน และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศโคปปา อิตาเลียนาในปี 2015 และ ในปี 2016 มอนเตลลาเซ็นสัญญากับเอซี มิลาน แต่เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังจากพาทีมจบอันดับ 6 ในเซเรียอา
หลังจากนั้น มอนเตลลาไปคุมทีมเซบียาในสเปน แต่เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังจากพาทีมจบอันดับ 7 ในลาลีกา ในปี 2019 มอนเตลลาเซ็นสัญญากับสโมสรซัมป์โดเรีย เขาพาทีมรอดพ้นจากการตกชั้นในเซเรียอา 2 ฤดูกาลติดต่อกัน
ผลงานกับทีมชาติตุรกี
มอนเตลลา ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุนซือทีมชาติตุรกี ปี 2023 มอนเตลลา พาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า เนชันส์ ลีก (ลีก B) นอกจากนี้ เขามียังผลงานที่น่าประทับใจ พาทีมคว้าชัยชนะ 5 จาก 7 เกมในรอบคัดเลือก ยูโร 2024
มอนเตลลาใช้ระบบการเล่นแบบ 4-2-3-1 เน้นการครองบอลและการโจมตีอย่างรวดเร็ว เขายังมอบโอกาสให้กับนักเตะดาวรุ่งหลายคนมอนเตลลา ถือเป็นกุนซือที่น่าจับตามองในศึก ยูโร 2024 ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดันและความมุ่งมั่นของเขา แฟนบอลตุรกีต่างคาดหวังว่าเขาจะพาทีมประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์นี้
4. วิลลี่ ซาญอล 47 ปี (คุมทีมจอร์เจีย)
วิลลี่ ดาบิด เฟรเดริก ซาญอล หรือ Willy David Frédéric Sagnol กุนซือทีมชาติจอร์เจีย อายุ 47 อดีตนักฟุตบอลอาชีพที่โด่งดังใน ตำแหน่ง กองหลังขวา ทีมชาติฝรั่งเศส
วิลลี่ ซาญอล เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1977 ในเมืองแซ็งเตเตียน ประเทศฝรั่งเศส เขาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรแซ็งเตเตียน บ้านเกิดของเขา ในปี ค.ศ. 1995 ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมอาแอ็ส มอนาโก ในปี ค.ศ. 1997
จุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพของเขาเกิดขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 2000 เมื่อเขาตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมันอย่างบาเยิร์น มิวนิค ซาญอล กลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของโลก คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 5 สมัย แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย และแชมป์เดเอฟเบโพคาล 4 สมัย
ผลงานในฐานะกุนซือ
หลังแขวนสตั๊ดในปี ค.ศ. 2009 ซาญอลเริ่มต้นเส้นทางการเป็นกุนซือ เขาเคยคุมทีมไบเอิร์น มิวนิค ชั่วคราวในปี ค.ศ. 2013 ก่อนจะย้ายไปคุมทีมบอร์โดซ์ในปี ค.ศ. 2014
ผลงานของเขากับบอร์โดซ์นั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก ทีมจบอันดับกลางตารางในลีกฝรั่งเศส แต่เขาก็ได้รับโอกาสสำคัญในปี ค.ศ. 2021 เมื่อสมาคมฟุตบอลจอร์เจียแต่งตั้งให้เขาเป็นกุนซือทีมชาติ ซาญอล เป็นกุนซือที่เน้นเกมรุก ทีมของเขาเล่นด้วยความรวดเร็วและเฉียบคม เขามักใช้แผนการเล่น 3-4-3 เน้นการโจมตีจากริมเส้น
ผลงานกับทีมชาติจอร์เจีย
การคุมทีมชาติจอร์เจียของซาญอลถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาพาทีมทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในรอบคัดเลือก ยูโร 2024 จอร์เจียสามารถจบอันดับ 3 ของกลุ่ม เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2024
3. เอดวาร์ด ยอร์เดอเนสคู 45 ปี (คุมทีมโรมาเนีย)
เอดวาร์ด ยอร์ดาเนสคู หรือ Edward Iordănescu เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ.1978 ณ กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย อายุ 45 ปี เป็นทั้งอดีตนักฟุตบอลและกุนซือฟุตบอลชาวโรมาเนีย เขาเป็นบุตรชายของ อังเคล ยอร์ดาเนสคู (Anghel Iordănescu) อดีตกุนซือทีมชาติโรมาเนียผู้โด่งดัง
ยอร์ดาเนสคู จูเนียร์ เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรสเตอัวบูคาเรสต์ ในปี ค.ศ.1996 เขาลงเล่นให้กับสโมสรต่างๆ มากมายทั้งในโรมาเนีย กรีซ และไซปรัส แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่รุนแรง ทำให้เขาต้องแขวนสตั๊ดก่อนวัยอันควรอย่างเป็นทางการในปี 2004
หลังจากนั้น ยอร์ดาเนสคู จูเนียร์ หันมาสู่เส้นทางการเป็นกุนซือ เริ่มต้นด้วยการคุมทีมเยาวชน ก่อนก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2018 กับสโมสรซีเอฟอาร์ คลูจ์
ผลงานในฐานะกุนซือ
ยอร์ดาเนสคู จูเนียร์ สร้างผลงานน่าประทับใจในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาพาซีเอฟอาร์ คลูจ์ คว้าแชมป์ลีกโรมาเนีย 2 สมัย (2019, 2020)
ผลงานอันโดดเด่นของเขา ดึงดูดสายตาของสโมสรฟุตบอลเอฟซีเอสบี ทีมดังแห่งกรุงบูคาเรสต์ ยอร์ดาเนสคูจูเนียร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือในปี 2021 แต่เขาอยู่กับสโมสรเพียงแค่ 1 ฤดูกาล ก่อนลาออกเพื่อรับงานคุมทีมชาติโรมาเนีย
ยอร์ดาเนสคูจูเนียร์ ขึ้นชื่อเรื่องสไตล์การคุมทีมที่เน้นเกมรุก เขาชอบใช้ระบบ 4-3-3 เน้นการบุกแบบฉับไว อาศัยความเร็วและความคล่องแคล่วของนักเตะ
ผลงานกับทีมชาติโรมาเนีย
ยอร์ดาเนสคูจูเนียร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือทีมชาติโรมาเนียเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2022 เขาก้าวเข้ามาแทนที่ มิเรล ราโดยู
ภายใต้การนำของยอร์ดาเนสคูจูเนียร์ ทีมชาติโรมาเนีย กลับมาเล่นได้อย่างมีชีวิตชีวา สไตล์การเล่นที่รวดเร็วและเฉียบคม ผสมผสานกับความดุดันและทุ่มเทของนักเตะ สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลโรมาเนีย
เขาพาทีมชาติโรมาเนียคว้าแชมป์กลุ่ม I ในศึก ยูโร 2024 รอบคัดเลือก ส่งผลให้ทีมชาติโรมาเนียผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016
2. โดเมนิโก้ เตเดสโก้ 38 ปี (คุมทีมเบลเยียม)
โดเมนิโก้ เตเดสโก้ หรือ Domenico Tedesco กุนซือชาวอิตาลี-เยอรมัน อายุเพียง 38 ปี ถือเป็นกุนซือหนุ่มไฟแรง ที่จับตามองในศึก ยูโร 2024 นี้
โดเมนิโก เตเดสโก้ เกิดเมื่อวันที่ 12 กันยายน 1985 ในเมืองรอสซาโน ประเทศอิตาลี เติบโตในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นชาวอิตาลี และคุณแม่เป็นชาวเยอรมัน เขาเริ่มต้นเส้นทางสายฟุตบอลในฐานะนักเตะเยาวชนของชตุทท์การ์ท แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่รุนแรง ทำให้ต้องแขวนสตั๊ดก่อนวัยอันควร
ผลงานในฐานะกุนซือ
เตเดสโก้ มุ่งมั่นสู่เส้นทางโค้ช เริ่มต้นด้วยการเป็นโค้ชทีมเยาวชนของชตุทท์การ์ท และเรืองรองสู่ตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชของทีมชุดใหญ่
ในปี 2017 เตเดสโก้ ได้รับโอกาสทองคำก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือใหญ่ของชาลเก้ 04 ในวัยเพียง 31 ปี กลายเป็นกุนซือที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกา ฤดูกาลแรกของเขาสร้างความประทับใจ พาทีมจบอันดับ 2 ในลีก แสดงให้เห็นถึงแท็กติกอันเฉียบคม และสไตล์การเล่นที่ดุดัน
ปี 2019 เตเดสโก้ ตัดสินใจย้ายไปคุมทีมแอร์เบ ไลป์ซิก ในลีกสูงสุดของเยอรมนี ประสบความสำเร็จด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ DFB-Pokal (ถ้วยเยอรมัน) ในฤดูกาล 2020/21 แต่ด้วยผลงานในลีกที่ไม่สม่ำเสมอ เตเดสโก้ จึงลาออกจากตำแหน่งในปี 2021
ปี 2022 เตเดสโก้ เริ่มต้นบทบาทใหม่กับสโมสรสปาร์ตัก มอสโก ในลีกสูงสุดของรัสเซีย ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมือง เขาพาทีมจบอันดับ 2 ของลีก แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและทำงานภายใต้แรงกดดัน
ผลงานกับทีมชาติเบลเยียม
ปี 2023 เตเดสโก้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมชาติเบลเยียม แทนที่ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เขาคุมทีมชาติเบลเยียม ลงเล่นไปแล้ว 5 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1
เตเดสโก้ เป็นกุนซือที่เน้นสไตล์การคุมทีม แท็คติกและการเล่นแบบรัดกุม เขามักใช้ระบบ 3-4-3 หรือ 3-5-2 เน้นการเล่นบอลสั้นและรวดเร็ว
โดเมนิโก เตเดสโก้ วัยเพียง 38 ปี ถือเป็นกุนซือดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ผลงานในอนาคตของเขากับทีมชาติเบลเยียมจะเป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือและแนวทางการทำทีม หากประสบความสำเร็จกับทีมชาติเบลเยียมในศึก ยูโร 2024 เตเดสโก้มีโอกาสก้าวไปเป็นกุนซือระดับโลกของวงการฟุตบอลได้อย่างแน่นอน
1. ยูเลียน นาเกลส์มันน์ 36 ปี (คุมทีมเยอรมนี)
ยูเลียน นาเกลส์มันน์ หรือ Julian Nagelsmann เกิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 1987 ในเมืองลันทส์แบร์คอัมเล็ช ประเทศเยอรมนี เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอล ในฐานะกองหลังให้กับสโมสรในท้องถิ่น แต่อาชีพนักเตะของเขากลับต้องจบลงอย่างน่าเสียดายด้วยอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าตอนอายุเพียง 20 ปี
จุดเปลี่ยนสำคัญ เกิดขึ้นเมื่อนาเกลส์มันน์ หันมาเอาจริงเอาจังกับบทบาทผู้จัดการทีม เริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับทีมเยาวชนของ 1899 ฮอฟเฟนไฮม์ พรสวรรค์และความมุ่งมั่นของเขาดึงดูดสายตาของ ฮันซี่ ฟลิค อดีตผู้จัดการทีมชาติเยอรมนี จนได้รับเชิญให้เข้าร่วมทีมสตาฟฟ์โค้ชของสโมสรบาเยิร์นมิวนิก
นาเกลส์มันน์ เป็นผู้จัดการทีมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกา และเขาได้รับฉายาว่า “Mini Mourinho” อีกด้วย
ผลงานในฐานะกุนซือ
นาเกลส์มันน์สร้างชื่อเสียงโด่งดังในฐานะผู้จัดการทีมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกา เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งกุนซือของ 1899 ฮอฟเฟนไฮม์ ในปี 2016
ภายใต้การนำของเขา ฮอฟเฟนไฮม์พลิกโฉมจากทีมกลางตารางสู่ทีมลุ้นแชมป์ นาเกลส์มันน์สร้างความประทับใจด้วยแทคติกที่เฉียบคม เน้นการเล่นเกมรุกที่รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ
ผลงานอันน่าทึ่งของนาเกลส์มันน์ดึงดูดความสนใจจากสโมสรชั้นนำหลายแห่ง ในปี 2019 เขาตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพ แอร์เบ ไลป์ซิก นาเกลส์มันน์พาไลป์ซิกประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง พาทีมคว้าแชมป์ DFB-Pokal ในปี 2021 และจบอันดับรองชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกในปี 2020
ความสำเร็จเหล่านี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่เก่งและอายุน้อยที่สุดในโลก นาเกลส์มันน์เซ็นสัญญากับสโมสรไบเอิร์นมิวนิกในปี 2021
ผลงานกับทีมชาติเยอรมนี
ในปี 2023 นาเกลส์มันน์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมชาติเยอรมนี แทนที่ ฮันซี่ ฟลิค นาเกลส์มันน์ มีภารกิจสำคัญในการพาทีมชาติเยอรมนีกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้ง เขาตั้งเป้าพาทีมคว้าแชมป์ ยูโร 2024 ที่จะจัดขึ้นในบ้านเกิดของเขาเอง
นาเกลส์มันน์เป็นผู้จัดการทีมที่เน้นการเล่นเกมรุก เขาชอบใช้ระบบ 3-4-3 หรือ 4-2-3-1 จุดเด่นของทีมที่เขาคุมคือการเล่นบอลสั้นที่รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ เขายังให้ความสำคัญกับการเพรสซิ่งสูง และเขามักจะให้ผู้เล่นของเขากดดันคู่แข่งอย่างหนัก เพื่อแย่งบอลกลับมาให้เร็วที่สุด
ยูเลียน นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มไฟแรงที่เต็มไปด้วยความสามารถและความมุ่งมั่น เขาคือตัวแทนของอนาคตใหม่ของวงการฟุตบอลเยอรมัน และแฟนบอลทั่วโลกต่างจับจ้องไปที่เขา ด้วยความคาดหวังว่าเขาจะพาทีมชาติเยอรมนีคว้าชัยชนะในศึก ยูโร 2024
ติดตามข่าวสาร และบทความใหม่ๆเกี่ยวกับ ยูโร 2024 ได้ที่นี่